แบรนด์ดังใช้ฟอนต์อะไรกันนะ? มาส่องกันเถอะ!

อยากรู้มั้ยว่าแบรนด์ดังอย่าง Coca-Cola , Apple , Supreme เลือกใช้ฟอนต์อะไร ทำไมถึงเลือกแบบนั้น และเราเอาไปใช้ได้มั้ย มาหาคำตอบพร้อมกัน พร้อมเทคนิคง่ายๆ ในการเลือกฟอนต์ให้เหมาะกับแบรนด์ด้วยนะ

การสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้โดดเด่นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายด้าน รวมถึงฟอนต์ด้วย หลายๆ แบรนด์ชื่อดังอย่าง Coca-Cola , Apple และ Supreme ต่างก็ให้ความสำคัญกับการเลือกฟอนต์ เพื่อสื่อถึงตัวตนของแบรนด์อย่างลงตัว บทความนี้จะพาคุณไปดูฟอนต์ที่แบรนด์เหล่านี้เลือกใช้ พร้อมแนะนำเคล็ดลับการเลือกฟอนต์ให้เหมาะกับแบรนด์ของคุณเอง

ทำไมฟอนต์ถึงสำคัญกับแบรนด์?

การเลือกฟอนต์ไม่ได้แค่เกี่ยวข้องกับการอ่าน แต่ยังช่วยสร้างความรู้สึกและบุคลิกของแบรนด์อีกด้วย ฟอนต์ที่แตกต่างกันจะส่งผลต่อความรู้สึกและความเข้าใจของลูกค้า เช่น ฟอนต์ที่ดูหรูหราอาจเหมาะกับแบรนด์ที่เน้นความมีระดับ ส่วนฟอนต์แบบสตรีทอาจเหมาะกับแบรนด์ที่เน้นความเท่และทันสมัย การเลือกฟอนต์ที่เหมาะสมจึงเป็นการช่วยเสริมเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่างแท้จริง

ข้อดีของการใช้ฟอนต์ให้ตรงกับเอกลักษณ์ของแบรนด์

  • สื่อสารบุคลิกของแบรนด์ : ฟอนต์ที่เลือกใช้จะช่วยสื่อถึงภาพลักษณ์และบุคลิกของแบรนด์ เช่น หรูหรา เรียบง่าย หรือสนุกสนาน
  • ช่วยสร้างการจดจำ : เมื่อใช้ฟอนต์ที่เหมาะสมและคงเส้นคงวา ลูกค้าจะสามารถจำแบรนด์ได้ดีขึ้น
  • เพิ่มความเป็นมืออาชีพ : ฟอนต์ที่เลือกใช้มีผลต่อความรู้สึกของลูกค้าว่าแบรนด์มีความใส่ใจในรายละเอียดแค่ไหน

เมื่อใช้ฟอนต์ที่เหมาะสมและคงเส้นคงวา ลูกค้าจะสามารถจำแบรนด์ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่แบรนด์มีการปรับเปลี่ยนหรือรีแบรนด์ ลองดูตัวอย่างแนวทางการรีแบรนด์ด้วยการเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์และองค์ประกอบแบรนด์ เพื่อหาแรงบันดาลใจเพิ่มเติม

โลโก้ของแบรนด์ Coca-Cola , Apple และ Supreme ซึ่งแต่ละแบรนด์มีฟอนต์เฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ สื่อถึงการใช้ฟอนต์ที่ช่วยสร้างตัวตนและจดจำแบรนด์ได้อย่างชัดเจน

ส่องฟอนต์แบรนด์ดัง มีอะไรบ้างน้า

แบรนด์ชื่อดังหลายแบรนด์เลือกใช้ฟอนต์ที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อสื่อถึงความเป็นตัวตน มาดูกันว่าแบรนด์ดังๆ ใช้ฟอนต์อะไรกันบ้าง

1.Coca-Cola ใช้ฟอนต์ Spencerian Script

ฟอนต์ Spencerian Script เป็นฟอนต์ลายมือที่มีความโค้งมนอ่อนหวาน มอบความรู้สึกที่อบอุ่นและดูเป็นมิตร Coca-Cola เริ่มใช้ฟอนต์นี้ตั้งแต่ปี 1887 และยังคงเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์จนถึงปัจจุบัน ฟอนต์นี้ถูกออกแบบมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจากลายมือของ Frank Robinson หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Coca-Cola อย่างไรก็ตาม ฟอนต์นี้ถูกจดลิขสิทธิ์ไว้แล้ว หากคุณต้องการใช้ฟอนต์ที่คล้ายกัน ลองหาฟอนต์ที่มีความเป็นลายมือในแบบโค้งมนแทนจะดีกว่า

2.Apple ใช้ฟอนต์ San Francisco

Apple เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่มีฟอนต์ประจำแบรนด์โดยเฉพาะ นั่นคือ San Francisco ฟอนต์นี้มีดีไซน์ที่เรียบง่าย ทันสมัย และอ่านง่าย เข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เน้นความทันสมัยและคุณภาพสูง โดยฟอนต์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ Apple โดยเฉพาะ เช่น iPhone , iPad และ Mac สำหรับผู้ที่ต้องการความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับฟอนต์นี้ อาจลองใช้ Helvetica Neue หรือ Roboto ซึ่งเป็นฟอนต์ที่มีความเรียบง่ายและทันสมัยเช่นกัน

3.Supreme ใช้ฟอนต์ Futura Heavy Oblique

แบรนด์สตรีทแวร์ชื่อดังอย่าง Supreme เลือกใช้ฟอนต์ Futura Heavy Oblique ซึ่งเป็นฟอนต์ที่ให้ความรู้สึกหนักแน่น แข็งแกร่ง และทันสมัย ฟอนต์นี้ทำให้แบรนด์ Supreme ดูโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม Supreme ได้จดลิขสิทธิ์โลโก้ของตนเองไว้ ดังนั้น การนำฟอนต์นี้ไปใช้งานควรระวังไม่ให้คล้ายคลึงกับแบรนด์ต้นแบบจนเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางลิขสิทธิ์

เคล็ดลับในการเลือกฟอนต์ให้เหมาะกับแบรนด์ของคุณ

หลังจากได้รู้จักกับฟอนต์ของแบรนด์ดังแล้ว อาจทำให้คุณอยากนำไปปรับใช้กับแบรนด์ของตัวเอง ลองใช้เคล็ดลับเหล่านี้ในการเลือกฟอนต์ที่เหมาะสมกันดูค่ะ

1.วิเคราะห์บุคลิกของแบรนด์ก่อนเลือกฟอนต์

ก่อนเลือกฟอนต์ ควรทำความเข้าใจบุคลิกของแบรนด์ก่อน เช่น หากแบรนด์ของคุณเป็นแบรนด์ที่เน้นความหรูหรา ควรเลือกใช้ฟอนต์แบบ Serif ที่ดูคลาสสิกและหรูหรา แต่หากเป็นแบรนด์ที่เน้นความสนุกสนานและทันสมัย ควรเลือกฟอนต์แบบ Sans-Serif ที่มีความเรียบง่ายและดูเข้ากับยุคสมัย

2.ทดลองเลือกฟอนต์หลายๆ แบบเพื่อหาสไตล์ที่เหมาะสม

แนะนำให้เลือกฟอนต์มาสัก 2-3 แบบที่คิดว่าเหมาะสม แล้วลองทดสอบกับโลโก้หรือแบนเนอร์ของคุณดู อย่าใช้ฟอนต์ที่เยอะเกินไปในงานเดียว เพราะอาจทำให้ดูไม่เป็นระเบียบ ควรเน้นความเรียบง่ายและมีความชัดเจนเป็นหลัก หากคุณอยากเข้าใจวิธีเลือกฟอนต์สำหรับโลโก้โดยเฉพาะ อ่านเพิ่มเติมได้

3.ตรวจสอบความเข้ากันได้กับแบรนด์และผลิตภัณฑ์

ลองนำฟอนต์ที่เลือกไปทดลองใช้งานกับแบนเนอร์ เว็บไซต์ หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดียเพื่อดูว่าเข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้หรือไม่ หากฟอนต์ไม่เข้ากันอาจต้องปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

4.คำนึงถึงลิขสิทธิ์ของฟอนต์ก่อนใช้งาน

ฟอนต์บางตัวอาจมีลิขสิทธิ์ ซึ่งหากต้องการใช้งานในเชิงพาณิชย์อาจต้องมีการซื้อหรือขออนุญาตก่อน เช่น ฟอนต์ของ Apple หรือ Coca-Cola หากไม่ได้รับอนุญาต อาจใช้ฟอนต์ที่ใกล้เคียงและไม่มีลิขสิทธิ์แทน เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์

โลโก้ของแบรนด์ Coca-Cola , Apple และ Supreme ในรูปแบบที่เล่นกับการออกแบบโลโก้และฟอนต์ สื่อถึงการทดลองใช้ฟอนต์ในสไตล์ต่างๆ ของแบรนด์ดังเพื่อสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และการจดจำแบรนด์

ฟอนต์ฟรีที่คล้ายกับฟอนต์แบรนด์ดัง

สำหรับผู้ที่ต้องการฟอนต์ที่คล้ายกับแบรนด์ดังแต่ไม่มีลิขสิทธิ์ ลองหาฟอนต์จากแหล่งดาวน์โหลดฟรี เช่น Google Fonts หรือ DaFont ที่มีฟอนต์หลากหลายให้เลือกใช้งาน

  • Roboto – คล้ายกับ San Francisco ของ Apple
  • Montserrat – ใกล้เคียงกับ Futura ของ Supreme
  • Dancing Script – ให้ลุคใกล้เคียงกับ Spencerian Script ของ Coca-Cola

สรุป

การเลือกฟอนต์ที่เหมาะสมกับแบรนด์ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่ช่วยสร้างการจดจำและความน่าสนใจให้กับแบรนด์ ฟอนต์ไม่ได้เป็นเพียงตัวอักษรที่สื่อความหมาย แต่ยังเป็นตัวแทนของตัวตนและเอกลักษณ์ของแบรนด์ ดังนั้น ควรเลือกฟอนต์ที่สอดคล้องกับบุคลิกของแบรนด์และสามารถสะท้อนถึงคุณค่าของแบรนด์ได้อย่างลงตัว ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะคะ