รู้ทัน! ธุรกิจอาหารที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเร่งรีบ

สำรวจ 5 ธุรกิจอาหารที่กำลังมาแรงในยุคดิจิทัล ตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน พร้อมเรียนรู้วิธีปรับตัวและเติบโตในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันกับสังคมเมืองที่เร่งรีบ ทำให้พฤติกรรมการบริโภคของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป โดยความต้องการความรวดเร็วและความสะดวกสบายกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้ออาหาร ดังนั้น ธุรกิจอาหารที่สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ จึงมีโอกาสเติบโตและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับผู้ประกอบการในวงการอาหารด้วย การปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ใหม่และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจอาหารประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัลนี้


1.อาหารเดลิเวอรี่ : บริการส่งถึงบ้านที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานที่มีเวลาจำกัด จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่าตลาดธุรกิจ Food Delivery ในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 8.6 หมื่นล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการสั่งอาหารเฉลี่ยต่อครั้งจะปรับตัวเพิ่มขึ้น (Price per Order) ประมาณ 2.8% จากค่าเฉลี่ยในปี 2566 หรือ มีราคาเฉลี่ยประมาณ 185 บาทต่อครั้งของการสั่ง

ทำไมธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่จึงเป็นที่นิยม?

  • ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เร่งรีบ
  • ประหยัดเวลาในการเดินทางและการรอคิว
  • มีตัวเลือกร้านอาหารที่หลากหลาย
  • สะดวกสบายในการสั่งผ่านแอปพลิเคชัน

แอปพลิเคชันยอดนิยมในไทย

  • Grab Food
  • Line Man
  • Shopee food
  • Food Panda

โอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ

  1. ร้านอาหารออนไลน์ : เปิดร้านอาหารที่ให้บริการเฉพาะการสั่งผ่านแอปพลิเคชัน ลดต้นทุนด้านหน้าร้านและพนักงาน
  2. Cloud Kitchen : ลงทุนในศูนย์กลางการผลิตอาหารแบบครบวงจร ที่ให้บริการพื้นที่ครัวเช่าแก่ธุรกิจอาหารต่างๆ เพื่อผลิตและจัดส่งอาหารสำหรับการสั่งซื้อออนไลน์และการส่งถึงบ้านเท่านั้น
  3. บริการจัดส่งอาหารเฉพาะทาง : เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารสำหรับผู้สูงอายุ หรืออาหารสำหรับผู้ป่วยเฉพาะโรค
พนักงานส่งอาหารกำลังส่งอาหารให้ลูกค้าที่ระเบียงคอนโดมิเนียมในเมือง ลูกค้ายิ้มแย้มขณะที่รับกล่องอาหาร

2.อาหารพร้อมทาน (Ready to Eat) ทางเลือกสำหรับคนยุคใหม่

อาหารพร้อมทานกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อาศัยในคอนโดมิเนียมหรือครอบครัวเดี่ยว ซึ่งต้องการความสะดวกรวดเร็วในการเตรียมอาหาร

ประเภทของอาหารพร้อมทาน

  • อาหารแช่เย็น (Chilled Food)
  • อาหารแช่แข็ง (Frozen Food)

ปัจจัยที่ทำให้อาหารพร้อมทานได้รับความนิยม

  1. เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทำให้รสชาติและเนื้อสัมผัสใกล้เคียงอาหารปรุงสด
  2. ราคาที่สมเหตุสมผล
  3. หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ
  4. ประหยัดเวลาในการเตรียมและปรุงอาหาร

แนวทางการพัฒนาธุรกิจอาหารพร้อมทาน

  1. เน้นคุณภาพและความสดใหม่ : ใช้เทคโนโลยีการผลิตและบรรจุภัณฑ์ที่รักษาคุณภาพอาหารได้ดี
  2. พัฒนาเมนูที่หลากหลาย : ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารมังสวิรัติ หรืออาหารตามหลักโภชนาการ
  3. สร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ : ให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์และการสื่อสารข้อมูลโภชนาการที่ชัดเจน
  4. ขยายช่องทางจัดจำหน่าย : นอกจากร้านสะดวกซื้อ อาจพิจารณาการขายผ่านช่องทางออนไลน์หรือการส่งตรงถึงบ้าน
ผู้หญิงยิ้มขณะจัดอาหารหลากหลายเมนูในกล่องบรรจุภัณฑ์พลาสติกใส บนโต๊ะในครัวพร้อมอาหารสดหลากสีสัน

3.Grab and Go อาหารสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็ว

ธุรกิจอาหารแบบ Grab and Go เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่กำลังได้รับความนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่มีเวลาพักกลางวันจำกัด หรือผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารระหว่างเดินทาง

ลักษณะเด่นของธุรกิจ Grab and Go

  • อาหารบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่พกพาสะดวก
  • เน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • ราคาย่อมเยา เข้าถึงได้ง่าย

ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ : Bizzy Box โดย MK Group เปิดตามตึกออฟฟิศใจกลางกรุงเทพฯ มียอดขายเฉลี่ย 400 กล่อง/สาขา/วัน

กลยุทธ์สำหรับธุรกิจ Grab and Go

  1. เลือกทำเลที่ตั้งอย่างชาญฉลาด : ตั้งร้านในบริเวณที่มีคนพลุกพล่าน เช่น ใกล้สถานีรถไฟฟ้า หรือในอาคารสำนักงาน
  2. หมุนเวียนเมนูอย่างสม่ำเสมอ : สร้างความหลากหลายและดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ
  3. ใส่ใจในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ : เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สะดวกต่อการพกพาและรับประทาน รวมถึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  4. นำเสนอตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพ : ตอบสนองเทรนด์การรักสุขภาพของผู้บริโภค
ชายในชุดทำงานกำลังหยิบกล่องอาหารจากร้านอาหารริมถนนในเมืองที่คึกคัก เต็มไปด้วยผู้คนที่สัญจรไปมา

4.Fast Casual ผสมผสานความรวดเร็วและคุณภาพ

Fast Casual เป็นรูปแบบร้านอาหารที่ผสมผสานข้อดีระหว่าง Fast Food และ Casual Dining เข้าด้วยกัน ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการความรวดเร็วแต่ไม่ละทิ้งคุณภาพและบรรยากาศที่ดี

จุดเด่นของร้านอาหาร Fast Casual

  • คุณภาพอาหารที่ดีกว่า Fast Food ทั่วไป
  • บรรยากาศร้านที่น่านั่ง
  • เมนูที่หลากหลายและมีความเป็นเอกลักษณ์
  • ราคาที่สูงกว่า Fast Food แต่ต่ำกว่าร้านอาหารทั่วไป

ตัวอย่างร้าน Fast Casual ที่ประสบความสำเร็จ : Shake Shack ที่มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง

แนวทางการสร้างธุรกิจ Fast Casual ให้ประสบความสำเร็จ

  1. สร้างคอนเซ็ปต์ที่แตกต่าง : นำเสนออาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น การผสมผสานอาหารจากหลายวัฒนธรรม
  2. ให้ความสำคัญกับการตกแต่งร้าน : สร้างบรรยากาศที่ดึงดูดและสะดวกสบาย เน้นการออกแบบที่ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์
  3. พัฒนาเมนูที่มีคุณภาพ : ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี และมีกระบวนการปรุงที่พิถีพิถัน แต่ยังคงรวดเร็ว
  4. เน้นการบริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ : ฝึกอบรมพนักงานให้มีทักษะในการบริการที่รวดเร็วและเป็นมิตร
  5. ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ : นำระบบการสั่งอาหารผ่านแท็บเล็ตหรือจอสัมผัสมาใช้ เพื่อลดเวลาในการสั่งอาหาร
  6. สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ : เพิ่มความพิเศษให้กับการรับประทานอาหาร เช่น การให้ลูกค้าได้เห็นกระบวนการปรุงอาหาร หรือการนำเสนออาหารในรูปแบบที่สร้างสรรค์
ชายคนหนึ่งในร้านอาหารกำลังหยิบสลัดที่วางอยู่ข้างเบอร์เกอร์บนโต๊ะในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด

5.Quick Service Restaurant ความรวดเร็วที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

Quick Service Restaurant หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ฟาสต์ฟู้ด” เป็นรูปแบบธุรกิจอาหารที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยความรวดเร็วในการให้บริการและราคาที่เข้าถึงได้

ประเภทของ Quick Service Restaurant

  • ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ระดับโลก
  • ร้านอาหารริมทาง (Street Food)
  • ร้านข้าวแกงที่บริการรวดเร็ว

ตัวอย่างธุรกิจที่น่าสนใจ : WOK Station สตาร์ทอัพไทยที่นำเสนอคอนเซ็ปต์ Asian Street Food ที่ลูกค้าสามารถเลือกวัตถุดิบได้เอง พร้อมชมการปรุงอาหารสดใหม่ต่อหน้าลูกค้า

กลยุทธ์สำหรับธุรกิจ Quick Service Restaurant

  1. เน้นความรวดเร็วและคุณภาพ : พัฒนาระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้บริการได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ลดทอนคุณภาพของอาหาร
  2. สร้างเมนูที่หลากหลายและน่าสนใจ : นำเสนอเมนูที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพ
  3. ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ : นำระบบการสั่งอาหารอัตโนมัติมาใช้ เช่น จอสัมผัสสำหรับสั่งอาหาร หรือแอปพลิเคชันสำหรับการสั่งล่วงหน้า
  4. พัฒนาระบบ Drive-Thru : สำหรับร้านที่มีพื้นที่เพียงพอ การมีบริการ Drive-Thru จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้
  5. ให้ความสำคัญกับความสะอาดและสุขอนามัย : สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยมาตรฐานความสะอาดที่เข้มงวด
  6. สร้างแรงจูงใจต่อลูกค้า : ใช้ระบบสะสมแต้มหรือส่วนลดพิเศษเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ
หญิงสาวยิ้มขณะรับเบอร์เกอร์จากพนักงานในร้านฟาสต์ฟู้ดที่สว่างและทันสมัย พร้อมกับถาดอาหารข้างหน้า

สรุป

ธุรกิจอาหารที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคเร่งรีบมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและการพัฒนาของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นอาหารเดลิเวอรี่ อาหารพร้อมทาน Grab and Go , Fast Casual หรือ Quick Service Restaurant ล้วนมีโอกาสสร้างรายได้อย่างยั่งยืนหากสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด

ข้อควรพิจารณาในการเริ่มต้นธุรกิจอาหาร

  1. ศึกษาตลาดและกลุ่มเป้าหมาย : วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มตลาดอย่างละเอียด
  2. เลือกคอนเซ็ปต์ที่โดดเด่น : สร้างจุดขายที่แตกต่างและน่าสนใจ
  3. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ : นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการและการตลาด
  4. เน้นคุณภาพและความสะอาด : สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วยมาตรฐานที่ดี
  5. พัฒนาทักษะการบริหารจัดการ : เรียนรู้และพัฒนาทักษะในการบริหารธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
  6. สร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง : ฝึกอบรมและพัฒนาทีมงานให้มีทักษะและทัศนคติที่ดี
  7. ปรับตัวตามสถานการณ์ : พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์

การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นในด้านรสชาติอาหาร ความสะดวกสบาย หรือบรรยากาศร้าน จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจอาหารของคุณประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลนี้ ผู้ประกอบการที่สามารถผสมผสานความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค การใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด และการนำเสนอคุณค่าที่แท้จริงให้กับลูกค้า จะเป็นผู้ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในธุรกิจอาหารยุคใหม่นี้